วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

lesson 2 
บันทึกอนุทิน


การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Creative Art Experiences Management for Early Childhood)
อาจารย์ผู้สอน  อ.กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
ประจำวันที่  21  มกราคม  2559
เรียนครั้งที่ 2  เวลา 08:30-13:30 น.
กลุ่ม 102  ห้องเรียน  15-0707






Knowledge ( ความรู้ที่ได้รับ)





ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ



ทฤษฎีพัฒนาการ
  • พัฒนาการทางศิลปะของ โลเวนเฟลด์ (Lowenfeld)
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
  • ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด (Guilford)
  • ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
  • ทฤษฎีความรู้สองลักษณะ (สมอง สองซีก)
  • ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Gardner)
  • ทฤษฎีโอตา  (Auta)
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
  • ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
  • ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์
  • ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ
  • ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์
  • ทฤษฎีโอตา



ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
  • นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
  • ศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ตัวประกอบของสติปัญญา
            - เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
            - ความมีเหตุผล
            - การแก้ปัญหา

ความสามารถของสมอง
       
 กิลฟอร์ด อธิบายความสามารถของสมองออกเป็น 3  มิติคือ
  • มิติที่   1     เนื้อหา
  • มิติที่   2     วิธีการคิด
  • มิติที่   3     ผลของการคิด
มิติที่ 1  เนื้อหา

  • มิติเกี่ยวกับ ข้อมูล หรือ สิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิด 


  • สมอง รับข้อมูลเข้าไปคิด พิจารณา   4   ลักษณะ
              - ภาพ
              - สัญลักษณ์                                      
              - ภาษา
              - พฤติกรรม

มิติที่ 2  วิธีการคิด
  • มิติที่แสดงลักษณะการทำงานของสมองใน   5  ลักษณะ
         - การรู้จัก การเข้าใจ
          - การจำ
          - การคิดแบบอเนกนัย  (คิดได้หลายรูปแบบ  หลากหลาย)
          - การคิดแบบเอกนัย  (ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)
          - การประเมินค่า

มิติที่ 3  ผลของการคิด
  • มิติที่แสดงถึงผลที่ได้จากการทำงานของสมอง  จากมิติที่ 1 + มิติที่ 2
  • มี  6  ลักษณะ
           -  หน่วย 
           -  จำพวก
           -  ความสัมพันธ์
           -  ระบบ
           -  การแปลงรูป
           -  การประยุกต์


ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด

สรุป.....
            - เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา
            - ทำให้ทราบความสามารถของสมองที่แตกต่างกันถึง  120    ความสามารถ
ตามแบบจำลองโครงสร้างทางสติปัญญาในลักษณะ 3 มิติ  คือ มีเนื้อหา  4  มิติ    
วิธีการคิด  5  มิติ     และผลทางการคิด  6  มิติ     
...รวมความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วย   คือ วิธีการคิดอเนกนัย  เป็นการคิดหลายทิศทาง  หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล  ซึ่งลักษณะความคิดนี้จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่




ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ 
(Torrance)
  • นักจิตวิทยาและนักการศึกษาผู้มีชื่อเสียง  ชาวอเมริกัน
  • เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่า ประกอบด้วย 
             - ความคล่องแคล่วในการคิด
             - ความยืดหยุ่นในการคิด
             - ความริเริ่มในการคิด    

แบ่งลำดับขั้นการคิดสร้างสรรค์ เป็น 5 ขั้น
             
             - ขั้นการค้นพบความจริง
             - ขั้นการค้นพบปัญหา
             - ขั้นการตั้งสมมุติฐาน
             - ขั้นการค้นพบคำตอบ
             - ขั้นยอมรับผลจากการค้นพบ

ขั้นที่ 1  การค้นพบความจริง
  • เป็นขั้นเริ่มต้น  ค้นหาสาเหตุ
  • ในการทำงานเริ่มแรก  ต้องมีการคิดค้น หรือหาข้อมูลต่างๆ จะเกิดความรู้สึกกังวล  สับสน วุ่นวาย แล้วค่อยๆปรับตัว พยายามคิดหาสาเหตุ ว่าสิ่งที่ทำให้กังวลใจนั้น คืออะไร
ขั้นที่ 2  การค้นพบปัญหา
  • เป็นขั้นที่สามารถคิดได้ และ
  • เกิดความเข้าใจแล้วว่า ปัญหาคืออะไร
ขั้นที่ 3  การตั้งสมมุติฐาน
  • เมื่อรู้ปัญหาว่าคืออะไรจากขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 แล้วก็พยายามคิดแก้ปัญหา 
  • หาทางออกโดยการตั้งสมมุติฐาน
ขั้นที่ 4  การค้นพบคำตอบ
  • เป็นการค้นพบคำตอบจากการตั้งสมมุติฐานด้วยวิธีการต่างๆอย่างหลากหลาย

ขั้นที่ 5  ยอมรับผลการค้นพบ
  • ค้นพบว่าสมมุติฐานที่ทดสอบไปในขั้นที่ 4 นั้นได้ผลเป็นอย่างไร
  • สรุปว่าสมมุติฐานใดคือการแก้ปัญหา หรือทางออกที่ดีที่สุด


ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์

สรุป.....
  • ทอร์แรนซ์ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา  หรือสิ่งที่ขาดหายไป   แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวคิด  ตั้งสมมุติฐาน  ทดสอบสมมุติฐาน   และเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ  ทำให้เกิดแนวทางในในการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆต่อไป 
  • ขั้นความคิดสร้างสรรค์นี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับขั้นการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์  ทอร์แรนซ์จึงเรียกขั้นการคิดสร้างสรรค์นี้ว่า กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์



ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ
  • เป็นทฤษฎีที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะเป็นการค้นพบความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์
  • การทำงานของสมองสองซีก  ทำงานแตกต่างกัน
           - สมองซีกซ้าย       ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล        
           - สมองซีกขวา        ทำงานส่วนจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์
  • แพทย์หญิงกมลพรรณ  ชีวพันธุศรี กล่าวว่า  คนเรามีสมอง  2  ซีก 
  • คือ...สมองซีกขวา ซึ่งเป็นส่วนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7 ปี    
  • ส่วนสมองซีกซ้ายที่เป็นส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล จะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี  และสมองจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเด็กอายุ  11-13 ปี
  • ปัจจุบัน  คนส่วนใหญ่มักได้รับการพัฒนาเพียงสมองซีกใดซีกหนึ่ง เป็นพิเศษ  ไม่ให้ความสนใจการทำงานของสมองอีกซีกหนึ่งเท่าที่ควร
....ระบบการศึกษาส่วนใหญ่  มุ่งการพัฒนาสมองซีกซ้าย ด้วยการให้เด็กท่องจำ คำนวณ  คิดเลข  สรรหาถ้อยคำ  วิเคราะห์ข้อมูล และอยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ  ขาดการสนับสนุนให้สมองซีกขวาพัฒนาควบคู่กันไป การคิดจินตนาการ  การคิดแปลกใหม่  ความเป็นศิลปิน จึงไม่ค่อยมีโอกาสพัฒนา
  • นักการศึกษาและนักวิทยาศาสตร์ต่างให้ความสำคัญ และสนับสนุนการทำงานของสมอง 2 ซีกอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะ บรรดางานค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ งานสร้างสรรค์ศิลปะ  และความคิดแปลกใหม่ ล้วนเกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา
  • แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานของสมองสองซีก ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์และพัฒนาการจัดการศึกษา 
            - ผู้เรียนได้เรียนรู้และทำกิจกรรมแบบบูรณาการ
            - มีการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ หรือ 4 MAT
            - มีการทำกิจกรรมที่หลากหลาย



ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์(Gardner)
  • ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาการศึกษา  ชาวอเมริกัน แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
  • ศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายของสติปัญญา
  • ผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญา ( ศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ )
ทฤษฎีพหุปัญญา จำแนกความสามารถหรือสติปัญญาของคนเอาไว้ 9 ด้าน  ได้แก่
    
    - ความสามารถด้านภาษา 
    - ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์                    
    - ความสามารถด้านดนตรี
    - ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์                     
    - ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
    - ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์      
    - ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา
    - ความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา
    - ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์

 1. ความสามารถด้านภาษา
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - เรียนรู้และเข้าใจคำพูดต่างๆได้เร็วเกินวัย
       - เลือกใช้คำได้หลากหลาย  มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการพูดจูงใจ การโน้มน้าว  การอธิบาย 
การเล่านิทาน  การโต้เถียง  การใช้เหตุผล  ตลอดจนการเขียนข้อความบรรยาย เขียนสรุปจะทำได้
ดีมาก เด็กจะมีลักษณะนิสัยชอบคิดชอบเขียน ความจำดี

2. ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - มีความถนัดเรื่องคณิตศาสตร์ เข้าใจเรื่องตัวเลขได้เร็ว
       - ใช้เงินเป็นและเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน 
       - มีความสามารถในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวเลข การคำนวณ การคิดวิเคราะห์  การทดลอง  การสำรวจ การเรียงลำดับเหตุการณ์ การใช้เหตุผล

 3. ความสามารถด้านดนตรี
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - ถนัดและเก่งดนตรี
       - ชอบฟังเพลง  ร้องเพลง และจำเนื้อเพลงได้เร็ว
       - ตอบสนองกับจังหวะดนตรีได้ดี เต้นตามจังหวะดนตรีได้
       - สนใจและสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นดนตรีเป็นพิเศษ 

เด็กจะมีลักษณะนิสัยอารมณ์ดี ชอบร้องชอบเต้น

4. ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - มีความสามารถในการเห็นภาพรวม
       - สามารถใช้พื้นที่ในการวาดภาพได้ดี ขนาดและสัดส่วนเหมาะสม
       - เข้าใจวิธีการลอกลาย
       - เขียนแผนที่ได้ดี เข้าใจเรื่องทิศทาง  เส้นทาง
       - มองเห็นโลกในมุมที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง

5. ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......

    - มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง  ชอบการวิ่งเล่น  ออกกำลังกาย เต้นรำ
    - มีความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อได้ดี...ทั้งการเดิน ยืน  นั่ง  วิ่ง  กระโดด  มีทักษะการทรงตัวที่ดี 
       เด็กจะมีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความสุขกับการได้ใช้กำลังกาย

6. ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
        - ชอบบริการผู้อื่น  ช่างเอาอกเอาใจ
        - ชอบช่วยเหลือเพื่อน 
        - พูดจาไพเราะ  มารยาทอ่อนหวาน น่ารัก
        - ปับตัวเข้ากับทุกคนได้ดี กล้าพูดกล้าแสดงออก  ชอบพบปะผู้คนหลากหลาย  ชอบเข้าสังคม ไม่กลัวคนแปลกหน้า
        - ชอบสังเกต  มองเห็นความแตกต่างระหว่างบุคคล

7. ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
        - ชอบเรียนรู้ ค้นคว้า วิจัย
        - สามารถเขียนบันทึกประจำวันได้ดี
        - สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง มีความมุ่งมั่นพยายามในการหาคำตอบ
        - เข้าใจความรู้สึกของตนเอง อารมณ์มั่นคง

8. ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
       - ชอบเรียนรู้ธรรมชาติ / สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
       - ชอบทัศนศึกษา  ออกสำรวจโลกภายนอก
       - จิตใจดี รักสัตว์  รักต้นไม้ ชอบปลูกผัก  เลี้ยงสัตว์
       - ชอบสังเกตความแตกต่าง เปรียบเทียบสิ่งที่อยู่รอบตัว

9. ความสามารถในด้านการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา    
  • เด็กที่มีความสามารถด้านนี้ .......
        -  คิดไว  มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
        -  รู้จักเลือก หรือหาวิธีในการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
        -  เป็นเด็กช่างคิด สามารถคิดค้นประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ
        -  ไม่หยุดนิ่งทางความคิด ชอบเทคโนโลยี

ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
  • ปัญญา มีลักษณะเฉพาะด้าน
  • ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน ทั้ง 9 ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
  • ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
  • ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
  • ในปัญญาแต่ละด้าน ก็มีความสามรถหลายอย่าง



ทฤษฎีโอตา (AUTA)

เดวิส (Davis) และซัลลิแวน (Sullivan)
     ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคนและสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ตามรูปแบบโอตา มีลำดับการพัฒนา 4 ขั้นตอน ได้แก่ การตระหนัก ความเข้าใจ เทคนิควิธี และการตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ

ขั้นตอนที่ 1 การตระหนัก
  • ต้องตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตนเอง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น 
       - การพัฒนาปรีชาญาณ
       - การรู้จักและเข้าใจตนเอง
       - การมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
       - การมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ขั้นตอนที่ 2 ความเข้าใจ
  • มีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ.......
       - ความรู้และเนื้อหาเรื่องบุคลิกภาพของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
       - ลักษณะกระบวนการความคิดสร้างสรรค์
       - ทฤษฏีความคิดสร้างสรรค์
       - เทคนิค วิธีการฝึกความคิดสร้างสรรค์

ขั้นตอนที่ 3  เทคนิควิธี
  • การรู้เทคนิควิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทั้งที่เป็นเทคนิคส่วนบุคคลและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน.......
       - เทคนิควิธีการในการฝึกความคิดสร้างสรรค์
       - การระดมสมอง
       - การคิดเชิงเปรียบเทียบ
       - การฝึกจินตนาการ

ขั้นตอนที่ 4  การตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ
  • การรู้จักหรือตระหนักในตนเอง พอใจในตนเอง สามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง.......
       - เปิดกว้างรับประสบการณ์ต่างๆ โดยปรับตัวอย่างเหมาะสม
       - มีความคิดริเริ่มและผลิตผลงานด้วยตนเอง
       - สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม



พัฒนาการทางศิลปะ

วงจรของการขีดๆเขียนๆ

       เคลล็อก (Kellogg)  ศึกษางานขีดๆเขียนๆของเด็กปฐมวัย และจำแนกขั้นตอนออกเป็น 4 ขั้นตอน ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานขีดๆเขียนๆทางศิลปะที่มีผลเชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็ก 4 ขั้นตอน มีดังนี้  ขั้นขีดเขี่ย  ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง  ขั้นรู้จักออกแบบ และขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ 

ขั้นที่ 1 ขั้นขีดเขี่ย (placement  stage)
  • เด็กวัย 2 ขวบ
  • ขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ
  • ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้าง โค้งบ้าง
  • ขีดโดยปราศจากการควบคุม



ขั้นที่ 2 ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง (shape  stage)
  • เด็กวัย 3 ขวบ
  • การขีดๆเขียนๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น
  • เขียนวงกลมได้
  • ควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น



ขั้นที่ 3 ขั้นรู้จักออกแบบ (design stage)
  • เด็กวัย 4 ขวบ
  • ขีดๆเขียนๆที่เป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน
  • วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้
  • วาดสี่เหลี่ยมได้ 

   

ขั้นที่ 4 ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ (pictorial stage)
  • เด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป
  • เริ่มแยกแยะวัตถุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้
  • รับรู้ความเป็นจริง เขียนภาพแสดงถึงภาพคน/ สัตว์ได้
  • ควบคุมการขีดเขียนได้ดี
  • วาดสามเหลี่ยมได้





พัฒนาการด้านร่างกาย

      กีเซลล์และคอร์บิน สรุปพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย ตามลักษณะพฤติกรรมทางการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ดังนี้
ด้านการตัด
      - อายุ 3-4 ปี  ตัดกระดาษเป็นชิ้นส่วนได้
      - อายุ 4-5 ปี  ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้   
      - อายุ 5-6 ปี  ตัดกระดาษตามเส้นโค้งหรือรูปร่างต่างๆได้

การขีดเขียน
      - อายุ 3-4 ปี  เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
      - อายุ 4-5 ปี  เขียนรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตามแบบได้   
      - อายุ 5-6 ปี  เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้

การพับ
        - อายุ 3-4 ปี     พับและรีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
        - อายุ 4-5 ปี     พับและรีดสันกระดาษสามทบตามแบบได้   
        - อายุ 5-6 ปี     พับและรีดสันกระดาษได้คล่องแคล่ว หลายแบบ 

การวาด
        - อายุ 3-4 ปี     วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ขา ปาก
        - อายุ 4-5 ปี     วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
        - อายุ 5-6 ปี     วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก แขน  มือ คอ  ผม




     


กิจกรรมสร้างสรรค์ที่ได้ทำในวันนี้

กิจกรรมที่ 1 " มือน้อยสร้างสรรค์ "








กิจกรรมที่ 2 วาดภาพต่อเติมจากเส้นที่กำหนดให้ พร้อมตกแต่งและระบายสีให้สวยงาม






    

Skill (ทักษะ)

- ทักษะความคิดสร้างสรรค์
- ทักษะการแก้ปัญหา
- ทักษะทางด้านศิลปะ


Application ( การประยุกต์ใช้ )

       สามารถนำเทคนิควิธีการสอนศิลปะสำรับเด็กปฐมวัยไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมที่สอนเด็กได้ สามารถนำตัวอย่างกิจกรรมศิลปะไปใช้กับเด็กได้ เช่น การวาดภาพต่อเติม เพื่อให้เด็กได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ พร้อมกับการเลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กอีกด้วย


Technical Education ( เทคนิคการสอน )

- มีกิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน
- ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง


Evaluation ( การประเมิน)

Self : ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา ร่วมทำกิจกรรมด้วยความตั้งใจ

Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันทำกิจกรรม

Teacher : อาจารย์สอนได้เข้าใจง่าย มีกิจกรรมที่หลากหลายมาประยุกต์ใช้ในการสอน และนำกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติและได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น